มะขามแขก
สารสำคัญในมะขามแขก คือ Senosides ซึ่งเป็นพฤษเคมีในกลุ่มแอนทราควิโนน (Anthraquinone) มีฤทธิ์ในการกระตุ้นกลุ่มเซลล์ประสาท ทำให้ลำไส้บีบตัว
สรรพคุณของมะขามแขก 1. ช่วยให้ลำไส้บีบตัวไล่อุจจาระ
2. ทำให้มีเนื้ออุจจาระมากขึ้น นุ่ม และขับถ่ายได้ง่าย
3. มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นเชื้อก่อโรค ซึ่งมักพบปนเปื้อนในอาหารสด
ดังนั้นมะแขกจึงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับ ผู้สูงอายุทีมีปัญหาเรื่องริดสีดวงทวาร หรือมีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง แต่สตรีมีครรภ์หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตร และเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี ไม่ควรใช้ ทั้งนี้ในการใช้รักษาอาการท้องผูก ก็ควรใช้เป็นครั้งคราวเท่าที่จำเป็น ไม่ควรใช้ต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์
โกฐน้ำเต้า
สารสำคัญในโกฐน้ำเต้า คือ สารในกลุ่ม Anthraquinone (ซึ่งเป็นสารกลุ่มเดียวกันกับที่พบในมะขามแขก) และ Tannin
สรรพคุณของโกฐน้ำเต้า คือ 1.กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่
2.ทำให้มีน้ำชุ่มชื้นมากขึ้นในลำไส้ใหญ่ อันเนื่องมาจาก Anthraquinone
3.มีฤทธิ์ในการห้ามเลือดทั้งภายนอกและภายใน สามารถนำมาใช้ในการห้ามเลือด และสมานแผลในกระเพาะอาหารได้เนื่องจากTannin มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย
4.มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
5.ช่วยลดความดันโลหิต และลดไขมันตัวไม่ดีในเลือด
โกฐน้ำเต้าจึงเหมาะสำหรับ ผู้มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง และเป็นริดสีดวงทวาร
อึ่งแปะ
สารสำคัญในอึ่งแปะ คือพฤษเคมีในกลุ่ม Flavonoids และ Alkaloids
สรรพคุณของอึ่งแปะ คือ 1.ช่วยบรรเทาอาการถุงน้ำดีอักเสบ ลดคลอเรสเตอรอล ลดระดับน้ำตาลในเลือด
2.บรรเทาอาการโรคผิวหนังหลายชนิด
3.สามารถต้านอนุมูลอิสระได้เทียบเท่าวิตามินอี
4.เพิ่มความแข็งแรงให้หลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดไม่เปราะแตกง่าย
อึ่งแปะจึงมีประโยชน์สำหรับ ผู้ที่ต้องการบำรุงร่างกาย และผู้มีปัญหาเรื่องริดสีดวงทวาร
ตังกุย
สารสำคัญในตังกุย คือ “Butylidenephthalide” ลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ตังกุยจึงมีสรรพคุณ ในการลดอาการปวดกล้ามเนื้อ และช่วยลดปวดประจำเดือน เนื่องจากสารสำคัญในตังกุยช่วยให้มดลูกไม่หดเกร็งในช่วงที่มีประจำเดือน นอกจากนั้นตังกุยยังกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกายให้ดีขึ้น
ตังกุยจึงเหมาะสำหรับ ทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษที่ต้องการ บำรุงร่างกาย บำรุงโลหิต สตรีที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน หรือสตรีที่มีอาการปวดประจำเดือน
เพชรสังฆาต
สารสำคัญที่พบในเพชรสังฆาต ประกอบด้วยพฤษเคมี 2 กลุ่มคือ 1. สารในกลุ่ม Triterpenoid พบ 3 ชนิด คือ Lupenone, Epifriedelinol และ Isoarboinol 2. สารในกลุ่ม Phytosterol คือ β-sitosterol
สรรพคุณที่โดดเด่นของเพชรสังฆาต คือ ใช้บรรเทาอาการริดสีดวงทวารทั้งชนิดภายในและภายนอก นอกจากนั้นยังช่วยขับลมในลำไส้ ใบและรากใช้เป็นยาพอกเมื่อกระดูกหัก
เพชรสังฆาตจึงเหมาะสำหรับ ผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารเรื้อรัง ทั้งแบบภายนอกและภายใน
โกฐกักกรา
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในโกฐกักกรา คือ สารในกลุ่ม Tannin
สรรพคุณของโกฐกักกรา คือ ช่วยขับลม บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร ช่วยหยุดเลือด มีฤทธิ์ทำให้ชาเฉพาะที่ จึงช่วยลดปวดและลดการอักเสบได้ดี
โกฐกักกราจึงเหมาะกับ ผู้มีปัญหาเรื่องริดสีดวงทวาร เนื่องจากท้องผูกบ่อย ๆ
อัคคีทวาร
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในอัคคีทวาร คือ Campeterol และ Sitosterol
สรรพคุณของอัคคีทวาร คือ ส่วนของใบ ราก และต้นบรรเทาอาการริดสีดวงทวาร ส่วนรากนำมาต้มผสมกับขิงและลูกผักชี ช่วยลดอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ส่วนผลทั้งสุกและดิบ นำมารับประทานแก้ไอ
อัคคีทวารจึงมีประโยชน์สำหรับผู้มีปัญหา เรื่องริดสีดวงทวารทั้งภายในและภายนอก รวมทั้งผู้ที่มีอาการคลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ หรือไอเมื่อเป็นหวัด
ฟ้าทะลายโจร
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในฟ้าทะลายโจร คือ Andrographolide ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคระบบทางเดินหายใจ ช่วยเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง และช่วยลดไข้
สรรพคุณของฟ้าทะลายโจร คือ ป้องกันและแก้อาการหวัด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น กระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรง สามารถต้านเชื้อแปลกปลอมที่ก่อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลการศึกษาซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมื่อรับประทานสารสกัดจากฟ้าทะลายโจร ร่วมกับโสมเกาหลี ภายใน 72 ชม. เมื่อเริ่มมีอาการไข้หวัด จะสามารถลดอาการได้ดีมาก และหายจากหวัดภายใน 1 – 2 วัน
ฟ้าทะลายโจรจึงเหมาะมากสำหรับ ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ เริ่มมีอาการหวัด เจ็บคอ หรือเริ่มรู้สึกไม่สบายตัวคล้ายจะเป็นหวัด นอกจากนั้นยังเหมาะกับผู้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ร่างกายอ่อนแอ หรือผู้ที่ อยู่ในระยะพักฟื้น สารสกัดจากฟ้าทะลายโจรก็สามารถปกป้องร่างกายมิให้ป่วยซ้ำ หรือป่วยนานจนกลายเป็นป่วยเรื้อรัง
ถ่อยิ้ง
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในถ่อยิ้ง คือ พฤษเคมีกลุ่ม glycosides, amygdalin and prunasin
สรรพคุณของถ่อยิ้ง คือ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกาย ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ สม่ำเสมอ ลดปวดเกร็งในช่องท้อง ทำให้ลำไส้ชุ่มชื้น ช่วยให้อุจจาระนุ่ม ขับถ่ายง่าย
ถ่อยิ้งเหมาะสำหรับ สตรีที่มีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ สม่ำเสมอ หรือมีปัญหาปวดท้องก่อนมีประจำเดือน และผู้ที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง
อิ่งงิ้ม
สารสำคัญที่พบในอึ่งงิ้ม คือ พฤษเคมีในกลุ่ม Flavonoids
สรรพคุณของอึ่งงิ้ม คือ แก้ร้อนใน รักษาแผลร้อนในในปาก บรรเทาอาการปวดท้อง เจ็บหน้าอกและปวดบริเวณสีข้าง
อึ่งงิ้มเหมาะสำหรับ ผู้ที่เป็นแผลร้อนในในช่องปาก หรือร่างกายอ่อนแอ เริ่มมีไข้ต่ำ ๆ
ขมิ้นชัน
สารสำคัญในขมิ้นชัน คือ Curcuminoids
สรรพคุณของขมิ้นชัน คือ ช่วยขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยย่อยอาหาร สมานแผลและลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนั้นขมิ้นชันยังสามารถต้านอนุมูลอิสระอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดการอักเสบ เนื่องจาก Curcuminoids ไปยับยั้งการสร้างเอ็นไซม์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ลดระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ ป้องกันโรคสองเสื่อมและอาจกล่าวได้ว่า ขมิ้นชันสามารถลดโอกาสที่จะเกิดการกลายพันธุ์ซึ่งนำไปสู่การป่วยเป็นมะเร็งได้
ขมิ้นชันจึงเหมาะสำหรับ ทุกคนที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ และผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคกระเพาะอาหาร อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ บ่อย ๆ รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูง ร่างกายอ่อนแอ และต้องการเสริมภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น
คาโมมายล์
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ Apigenin glucosides
สรรพคุณสำคัญของ Chamomile ซึ่งเป็นที่รู้จักและใช้ประโยชน์มาอย่างยาวนานคือ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวไม่หดเกร็ง มีผลต่ออารมณ์คือทำให้รู้สึกสบาย และสงบ นอกจากนั้นยังมีการศึกษาชิ้นใหม่ ๆ ที่พบว่า คาโมมายล์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย มีฤทธิ์ยับยั้งเกร็ดเลือด สามารถต้านการอักเสบได้ และยังต้านการกลายพันธุ์ รวมทั้งลดไขมันตัวไม่ดีในหลอดเลือดได้
คาร์โมมายล์จึงเหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับยาก นอนหลับไม่สนิท จึงพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มชาหรือรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของคาร์โมมายล์ จะช่วยให้คุณภาพการนอนดีขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพร่างกาย และระบบภูมิคุ้มกัน ที่จะดีขึ้นตามไปด้วย
เห็ดหลินจือ
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ Polysaccharides, Triterpenes และ Ganoderma lucidum peptide
สรรพคุณของเห็ดหลินจือ คือ 1.ปกป้องความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับ DNA จากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง และความเสื่อมซึ่งทำให้เราแก่เร็วนั่นเอง ด้วยเหตุนี้เห็ดหลินจือจีงสามารถชะลอความชรา คงความเป็นหนุ่มสาว และลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง 2.ปกป้องเนื้อเยื่อไตจากการถูกทำลายด้วยอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะไตเสื่อมและไตวายในที่สุด 3.Triterpene และ Polysaccharides มีฤทธิ์ยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็ง ในขณะเดียวกันยังเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ปกติ โดยมีผลการศึกษาทางคลินิกที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพนี้ ในผู้ป่วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 4.สารสำคัญในเห็ดหลินจือสามารถยับยั้งระบบภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองมากเกินไป จนทำให้เกิดโรค และช่วยปรับสมดุลย์ให้ระบบภูมิคุ้มกันกลับมาตอบสนองในระดับปกติ อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อผู้ปวยโรคอ้วน เบาหวาน โรคตับ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ภูมิแพ้ และกลุ่มโรคระบบประสาทเสื่อมถอย
เห็ดหลินจือ จึงมีประโยชน์กับทุกคน ที่ต้องการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ป้องกันตัวเองจากโรคร้ายแรงเช่น มะเร็ง ระบบประสาทเสื่อมถอย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ฯ รวมไปถึงผู้ที่ป่วยอยู่แล้ว การรับประทานเห็ดหลินจือก็จะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้สามารถต้านทานการลุกลามของโรค และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
กระเทียม
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ Allicin
สรรพคุณของกระเทียม คือ ช่วยชะลอความเสื่อมของหลอดเลือดทั่วร่างกาย ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร ช่วยลดความดันโลหิต ลดอาการแน่นจุกเสียดในกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อรา และต้านอนุมูลอิสระ
กระเทียมจึงเหมาะสำหรับ ผู้รักสุขภาพทุกท่านที่ต้องการป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโรคร้าย รวมทั้งผู้ที่เริ่มป่วยหรือป่วยแล้วด้วยโรคเรื้อรัง อันเนื่องจากความเสื่อมตามวัย รวมทั้งอาการไม่สบายทั่ว ๆ ไป ที่เป็นกันบ่อย ๆ คือ ท้องขึ้น ท้องอืด มีลมมากในทางเดินอาหารเนื่องจากอาหารไม่ย่อย การรับประทานกระเทียมหรืออาหารเสริมที่มีกระเทียมเป็นส่วนประกอบสำคัญจะช่วยลดอาการไม่สบายเหล่านั้นได้ดี
อบเชยเทศ
สารสำคัญที่ออกฤทธ์ คือ Methylhydroxy Chacone Polymer และ cinnamon oil
สรรพคุณของอบเชยเทศ คือ ช่วยแก้อาการจุกเสียด ขับลม รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ขับปัสสาวะ ย่อยไขมัน แก้อ่อนเพลีย และมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังมี การศึกษาเกี่ยวกับอบเชยถึงผลต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือดหลายชิ้น พบว่าสามารถใช้สารสกัดจากอบเชยเสริมประสิทธิภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย ทีมีระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงมากเกินไป หรือใช้เป็นอาหารเสริมในผู้ป่วยที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคเบาหวานก็ได้
อบเชยเทศจึงเหมาะสำหรับ ผู้มีปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อยเป็นประจำ และผู้ป่วยโรคเบาหวาน ก็สามารถรับประทานชะเอมเทศเพื่อ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน
ว่านชักมดลูก
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ สารในกลุ่ม Phytoestrogen
สรรพคุณของว่านชักมดลูก คือ ช่วยลดอาการปวดท้องก่อนมีประจำเดือน ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ สม่ำเสมอ และยังช่วยลดอาการผิดปกติต่าง ๆ เช่น อาการร้อนวูบวาบ ของสตรีในวัยหมดประจำเดือนได้
ว่านชักมดลูกจึงเหมาะสำหรับ สตรีในวัยเจริญพันธุ์ที่ต้องการดูแลร่างกาย หรือผู้ที่มีปัญหาปวดท้อง อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อก่อนการมีประจำเดือน และที่สำคัญคือ วงการแพทย์ยอมรับว่าสาร Phytoestrogen มีประสิทธิภาพอย่างมากในการดูแลสุขภาพสตรีที่อยู่ในช่วงใกล้หมดประจำเดือนและสตรีวัยทอง
โสมสกัด
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ Ginsengnoside
สรรพคุณของโสม หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากจึงมีผู้กล่าวว่าโสมเป็น “Adaptogen” (สารที่ช่วยปรับให้ร่างกายมีประสิทธิภาพตามต้องการ) ซึ่งสามารถกล่าวโดยสังเขป ดังนี้ 1. ช่วยให้ร่างกายทนทานต่อการทำงานหนัก ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic nerve system) ทำงานเป็นปกติ โดยเพิ่มสารแคทีโคลามีน (catecholamine) ในสมอง ซึ่งช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ ความจำ และมีฤทธิ์ต้านความเครียด ความอ่อนล้า 2. เสริมภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถทนทานต่อสภาวะแวดล้อมที่เป็นพิษ หรือมีความตึงเครียดสูง และยับยั้งการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง 3. สามารถต้านอนุมูลอิสระอย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยชะลอความชรา คงความแข็งแรงของวัยหนุ่มสาว 4. ผู้ที่รับประทานโสมบำรุงร่างกายเป็นประจำ จะพบว่าสมรรถภาพทางเพศดีขึ้นด้วย ทั้งนี้เนื่องจากคุณสมบัติของโสมที่ทำให้สุขภาพจิต และสมรรถภาพร่างกายดีขึ้น
โสมจึงเหมาะสำหรับ ผู้คนทุกเพศ ทุกวัยที่ทำงานหนัก ต้องเผชิญกับความเครียดทั้งทางร่างกาย และจิตใจ โสมจะช่วยเพิ่มทั้งประสิทธิภาพและสมาธิในการทำงาน ทั้งยังบำรุงสุขภาพโดยรวมอีกด้วย
ถั่งเช่าสกัด
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ โพลีแซคคาไรด์ (galactomannan), นิวคลีโอไทด์ (adenosine, cordycepin), cordycepic acid, กรดอะมิโน และสเตอรอล (ergosterol, beta-sitosterol)
สรรพคุณของถั่งเช่า คือ มีฤทธิ์กระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ฟื้นฟูการทำงานของไต ต้านการอักเสบ และต้านอนุมูลอิสระ
ถั่งเช่าจึงเหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ที่สุขภาพอ่อนแอ หรือเพิ่งฟื้นไข้
สารสกัดจากชาเขียว
สารสกัดจากชาเขียว คือ Epigallocatechin-3-gallate หรือ อี จี ซี จี (EGCG)
สรรพคุณของสารสกัดจากชาเขียว คือ 1.ช่วยลดความอ้วนด้วยการเพิ่มการเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย 2.ลดไตรกลีเซอไรด์ และไขมันตัวไม่ดี (LDL) ในหลอดเลือด 3.ลดอุบัติการณ์การเกิดโรคหลอดเลือดแข็งตัว และอุดตัน จึงช่วยลดโอกาสเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากการขาดเลือด เส้นเลือดในสมองแตก (Stroke) 4.มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง และมีความแรงในการต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าวิตามินซี 25-100 เท่า 5.กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง รวมทั้งการทำงานของระบบประสาทส่วนกลางและช่วยขับสารพิษตกค้างออกจากร่างกาย ทำให้รู้สึกมีพลัง สดชื่น กระปรี้กระเปร่า ไม่ง่วงเหงาหาวนอน
สารสกัดจากชาเขียว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องใช้สมอง และพลังงานระหว่างวัน แต่พักผ่อนน้อยจึงทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย และอาจไม่สดชื่นในช่วงบ่าย สารสกัดจากชาเขียวจะช่วยฟื้นพลังให้สมอง ทำให้รู้สึกสงบ มีสมาธิ ทำงานด้วยพลังสร้างสรรค์ อย่างเต็มประสิทธิภาพ
สารสกัดจากใบแป๊ะก๊วย
สารสำคัญที่สกัดจากใบแปะก๊วย คือ Flavonoids และน้ำมันจากใบแปะก๊วย คือ bilobalides และ ginkgolides
สรรพคุณของสารสำคัญในใบแป๊ะก๊วย มาจากคุณสมบัติของ Bilobalides และ Ginkgolides ที่ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม (โรคสมองฝ่อ) โดยเป็นตัวเสริมสร้างการส่งสัญญาณในสมอง ช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น ป้องกันการเกิดแผลเรื้องรังโดยเฉพาะในกลุ่มของคนที่เป็นโรค เบาหวาน และช่วยบรรเทาอาการชาตามปลายนิ้วมือและเท้าได้ นอกจากนี้ยังออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในบริเวณตา ป้องกันโรคเบาหวานขึ้นตาได้
สารสกัดจากใบแป๊ะก๊วยเหมาะสำหรับ ใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของของสมอง และเพิ่มการไหลเวียนโลหิตในสมอง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องใช้พลังความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานเช่น ผู้มีอาชีพสถาปิก วิศวกร นักเขียน มัณฑนากร ฯลฯ และผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม
เมล็ดบุชเชอร์รี่
สารสำคัญที่สกัดจากเมล็ดบุชเขอร์รี่คือ amygdali
สรรพคุณของสารสกัดจากบุชเชอร์รี่ คือ มีฤทธิ์ละลายเสมหะ ต้านการไอเนื่องจากมีเสมหะ รวมทั้งช่วยลดอาการของโรคหอบ หืด และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับลำไส้ ทำให้อุจจาระ นุ่มลื่น ถูกขับออกมาอย่างง่ายดาย นอกจากนั้นยังเริ่มมีการศึกษาถึงฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียก่อโรคร้ายแรงบางชนิด เช่น Pseudomonas aeruginosa,
Staphylococcus aureus, Streptococcus pyogenes
เมล็ดบุชเชอร์รี่มีประโยชน์มากสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง อุจจาระแข็งถ่ายยาก และมักจะมีปัญหาเรื่องริดสีดวงทวารร่วมด้วย เนื่องจากช่วยเคลือบให้อุจจาระนุ่ม ลื่น จึงถูกขับออกมาง่าย ๆ ลดอาการท้องผูก ไม่ต้องปวดเบ่งนาน ๆ อีกต่อไป จึงมีผลช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวารอีกด้วย
รูบาร์บ
สารสำคัญในรูบาร์บ คือ สารในกลุ่ม Anthraquinone (ซึ่งเป็นสารกลุ่มเดียวกันกับที่พบในมะขามแขก) และ Tannin
สรรพคุณของรูบาร์บ คือ 1.กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ 2.ทำให้มีน้ำชุ่มชื้นมากขึ้นในลำไส้ใหญ่ อันเนื่องมาจาก Anthraquinone 3.มีฤทธิ์ในการห้ามเลือดทั้งภายนอกและภายใน สามารถนำมาใช้ในการห้ามเลือด และสมานแผลในกระเพาะอาหารได้เนื่องจากTannin มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรีย 4.มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ 5.ช่วยลดความดันโลหิต และลดไขมันตัวไม่ดีในเลือด
รูบาร์บ ผู้มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง และเป็นริดสีดวงทวาร
ฝางเฟิง
พบพฤกษเคมีในฝางเฟิง ประมาณ 20 ชนิด ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย
สรรพคุณของฝางเฟิง คือ ออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ ลดไข้ ลดปวด ระงับอาการชัก และที่สำคัญคือ มีข้อมูลทางคลินิกยืนยันว่าฝางเฟิงสามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งได้ดีมาก
ฝางเฟิงมีประโยชน์มากสำหรับ ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์รีบเร่ง รับประทานอาหารและขับถ่ายไม่เป็นเวลา จนอาจเกิดปัญหาท้องผูก ซึ่งทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายแปรปรวน เพราะการที่มีอุจจาระค้างอยู่ในลำไส้นาน ๆ สารพิษและของเสียก็จะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการผิดปกติได้เช่น ตัวร้อน ปวดเมื่อย และอ่อนเพลีย
ไซเลี่ยมฮักซ์
สารสำคัญในไซเลี่ยมฮักซ์ คือ ไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ (Soluble-fiber)
สรรพคุณของไซเลี่ยมฮักซ์ คือ ความสามารถในการอุ้มน้ำได้มากถึง 25 เท่า ของน้ำหนักตัวเองเมื่ออยู่ในทางเดินอาหาร มีผลให้อุจจาระนุ่ม ขับถ่ายง่าย และด้วยคุณสมบัติพิเศษเหนือไฟเบอร์จากแหล่งอื่น ๆ ในการอุ้มน้ำนี้เอง ที่ทำให้ไซเลี่ยมฮักซ์ช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้ดีอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีผลการศึกษาทางคลินิกซึ่งตีพิมพ์ใน The American Journal of Clinical Nutrition ชี้ให้เห็นว่าผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ในระดับความรุนแรงของโรคน้อย – ปานกลาง เมื่อได้รับอาหารเสริมที่มี soluble-fiber จะช่วยลดระดับไขมัน LDLได้ดีมาก โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานไฟเบอร์จากไซเลี่ยมฮักซ์ เห็นผลการลดลงของ LDL มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับไฟเบอร์จากแหล่งอื่น ๆ และที่สำคัญที่สุดไฟเบอร์จากไซเลี่ยมฮักซ์ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ทำให้รับประทานอาหารอาหารน้อยลง จึงเป็นตัวช่วยที่ดีมาก สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
ไซเลี่ยมฮักซ์จึงมีประโยชน์มากสำหรับ ผู้ที่มีระดับ LDL ในเลือดสูง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มักมีความเสี่ยงต่อภาวะนี้ ร่วมกับมีภาวะอ้วนร่วมด้วย นอกจากนั้นผู้ที่ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินอาหาร มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้องเป็นประจำ และผู้ที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง หรือเฉียบพลัน ซึ่งมักก่อให้เกิดริดสีดวงทวารตามมา บุคคลเหล่านี้คือกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากไซเลี่ยมฮักซ์ไฟเบอร์โดยตรง และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การขับถ่ายที่ดีขึ้นจากการรับประทานอาหารเสริมที่มีไฟเบอร์ ไม่ทำให้เกิดปัญหาเรื่อง ต้องเพิ่มปริมาณที่รับประทานให้มากขึ้นเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม เมื่อใช้เป็นประจำ หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกว่าดื้อยา
ส้มแขกสกัด
สารสำคัญในส้มแขกสกัด คือ Hydroxycitric acid หรือ HCA
สรรพคุณของส้มแขก คือ มาจาก HCA ซึ่งเป็นสารสำคัญในส้มแขกมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเอ็นไซม์ในกระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นไขมันสะสม จากการบริโภคแป้งมากเกินไป นอกจากนั้นส้มแขกยังมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ
สารสกัดจากส้มแขก จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักตัว หรือผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาท้องผูกบ่อย ๆ
พรุนสกัด
สารสำคัญในพรุนสกัด คือ 1.มีไฟเบอร์สูงทั้งชนิดที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ 2.กลุ่มสารโพลีฟีนอล ตัวที่พบมากในพรุนคือ กรดไฮดรอกซีซินนามิก (hydroxycinnamic acids) อยู่ในรูปกรดนีโอคลอโรเจนิก (neochlorogenic acids) 3.สารต้านอนุมูลอิสระเช่น วิตามินซี และสารพฤกษเคมีอื่นๆเป็นองค์ประกอบทำให้พรุนมีค่าการต้านอนุมูลอิสระหรือค่า ORAC สูง (Oxygen Radical Absorbency Capacity) โดยสูงเป็น 2 เท่าของผลไม้ชนิดอื่น เช่น บลูเบอรี่และลูกเกด ฯ
สรรพคุณของพรุนสกัด คือ 1.ช่วยลดความดันโลหิตและให้ผลดีต่อหลอดเลือดหัวใจ 2.ไฟเบอร์ทั้งชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำมีคุณสมบัติชะลอการย่อยอาหารในกระเพาะ ช่วยให้อิ่มนานขึ้นและยังเพิ่มการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหารทำให้ระบบลำไส้ทำงานดีขึ้น และมีฤทธิ์ในการระบายจึงนิยมใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้ผลดีมาก 3.ในพรุนมีน้ำตาลแอลกอฮอล์ตามธรรมชาติคือไซลิทอลและ ซอร์บิทอลสูง โดยเมื่อไซลิทอลและ ซอร์บิทอลผ่านเข้าไปที่ลำไส้จะเกิดกระบวนการหมัก มีผลช่วยเพิ่มปริมาณแบคทีเรียชนิดที่ดี เมื่อทำงานร่วมกับใยอาหาร ซึ่งจะทำงานในลำไส้ใหญ่เป็นเสมือนฟองน้ำที่ซับน้ำเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มวลอุจจาระเพิ่มขึ้น และถูกขับถ่ายออกได้ง่าย ช่วยลดระยะเวลาการตกค้างของของเสียในลำไส้
พรุนสกัด จึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่รักสุขภาพทุกคน โดยเฉพาะผู้คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันที่ทำงานหนัก รับประทานอาหารและขับถ่ายไม่เป็นเวลา ทำให้มีปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องการย่อยอาหารและการขับถ่าย ซึ่งทำให้มีปัญหาท้องผูกเรื้อรังตามมา การรับประทานพรุนสกัดจะช่วยลดปัญหาท้องผูกเรื้อรังอย่างปลอดภัย ไม่มีผลกระทบข้างเคียงตามมา
เห็ดฝูหลิง
สารสำคัญที่พบในเห็ดฝูหลิง คือ triterpenoids และpolysaccharide
สรรพคุณของเห็ดฝูหลิง คือ ยับยั้งการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย ลดระดับน้ำตาลในเลือด เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะ ลดภาวะน้ำคั่งในช่องท้อง และปกป้องเซลล์ตับไม่ให้เสียหาย ซึ่งนำไปสู่ภาวะตับแข็งและตับวายในที่สุด
เห็ดฝูหลิง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องทำงานหนัก มีชั่วโมงทำงานต่อเนื่องยาวนานในแต่ละวัน ต้องเจอกับสภาพความเครียดสูง มีเวลาพักผ่อนน้อย รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา อ่อนเพลีย และสุขภาพเสื่อมโทรม การรับประทานอาหารเสริมที่ประกอบด้วยเห็ดฝูหลิงจะช่วยขับพิษออกจากร่างกายเสริมสร้างความแข็งแรง โดยเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เมื่อเชื้อไวรัสเข้าโจมตีตับ ทำให้เซลล์ตับเสียหาย เห็ดฝูหลิงจะปกป้องและลดความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเกิดผลดีในระยะยาวคือ ลดโอกาสเกิดตับแข็งได้
เห็ดจูหลิง
สารสำคัญที่พบในจูหลิง คือ Dehydroepiandrosterone (DHEA) (เป็นฮอร์โมนที่ร่างกายมนุษย์สามารถผลิตได้เองจากต่อมหมวกไต)
สรรพคุณของเห็ดจูหลิง คือ 1. ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ต้านความชรา ชะลออาการโรคอัลไซเมอร์ 2. นักกีฬามักใช้เพื่อการสร้างมวลกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรง และให้พลังงาน 3. รักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย 4. ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) โรคกระดูกพรุน โรคปลอกประสาทอักเสบ โรคซึมเศร้า โรคจิตเภท โรคหัวใจ มะเร็งเต้านม และโรคเบาหวาน ใช้เพื่อลดความรุนแรงของโรค 5. ใช้เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และลดอาการร้อนวูบวาบในสตรีวัยทอง 6. ผู้ป่วยโรคเอดส์นิยมใช้เพื่อลดอาการอ่อนเพลีย เพิ่มภูมิคุ้มกัน และลดอาการซึมเศร้า
เห็ดจูหลิง จึงมีประโยชน์อย่างมากต่อ ผู้ป่วยหลายโรค ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย และส่งผลกระทบต่อร่างกายมาก การรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากเห็ดจูหลิง จะช่วยให้ผู่ป่วยเหล่านี้สามารถฟื้นตัว ลดและชะลอความรุนแรงของโรคเรื้อรังเหล่านั้นได้ ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น แม้ต้องดำรงชีวิตไปพร้อม ๆ กับโรคในร่างกาย นอกจากนั้นยังมีประโยชน์ต่อผู้สนใจดูแลสุขภาพ ต้องการชะลอความเสื่อมเนื่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น
ลูกผักชีลา
สารสำคัญที่พบในลูกผักชีลา คือ น้ำมันหอมระเหย ลินาโลออล (linalool) และ เจอรานิล อะซีเตท (geranyl acetate) ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถป้องกันมะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพมาก
สรรพคุณของลูกผักชีลา ช่วยย่อยอาหาร ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน ลดปวดในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบ ลดไขมันไม่ดี (LDL) เพิ่มไขมันตัวดี (HDL) ในเลือด กลิ่นของลูกผักชีช่วยให้รู้สึกสงบและทำให้สารเคมีในสมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันมีการนำสารสกัดจากลูกผักชีลาไปใช้ในการรักษาโรคเบาหวาน และบำรุงตับ
ลูกผักชีลา จึงมักเป็นส่วนผสมสำคัญในสูตรอาหารเสริมหรือยา เพื่อขับลม ลดอาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากอาหารไม่ย่อย และยังมีผลดีในการบำรุงร่างกายเนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดภาวะ Oxidative stress ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดกระบวนการกลายพันธุ์จากเซลล์ปกติเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด
ลูกจันทน์
สารสำคัญที่พบในลูกจันทน์ คือ lignans ซึ่งเป็นพฤกษเคมีที่มีลักษณะทางเคมีคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในมนุษย์ มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังพบพฤษเคมีในกลุ่ม Isoflavone และCoumestans
สรรพคุณของลูกจันทน์ ลดไขมันในเลือดและป้องกันเส้นเลือดอุดตัน ช่วยขับลม ลดการบีบเกร็งลำไส้ ต้านการอาเจียน กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ต้านปวดและอักเสบ มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้ท้องเสีย ต้านอนุมูลอิสระปกป้องตับ กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ลดน้ำตาลใน เลือดยับยั้งการสร้างสาร prostaglandin จึงช่วยลดความรู้สึกปวดได้ดี
ลูกจันทน์ จึงถูกใช้เป็นยาขับลม แก้คลื่นไส้อาเจียน บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เนื่องจากอาหารไม่ย่อยและช่วยสมานแผลในกระเพาะอาหาร และบรรเทาอาการปวดท้อง
เห็ดไมตาเกะ
สารสำคัญที่พบ คือ beta-glucan ซึ่งเป็นสารในกลุ่ม polysaccharide และ lysophosphatidylethanolamine
สรรพคุณของเห็ดไมตาเกะ เสริมภูมิต้านทานและยับยั้งเซลล์มะเร็ง โดยมีผลกาศึกษาทางคลินิกในผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเห็ดไมตาเกะสามารถกระตุ้นให้ NK cell (เซลล์เม็ดเลือดขาวพิฆาตมะเร็ง) ยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังมีผลการศึกษาทางคลินิกที่ทำในผู้ป่วยมะเร็งจำนวน 165 คน แสดงให้เห็นว่า สารสกัดจากเห็ดไมตาเกะช่วยให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้น โดย 90% ของผู้ป่วยมีอาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง ลดลง และความเจ็บปวดลดลง 83% ของจำนวนผู้ป่วย
เห็ดไมตาเกะจึงมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อ ผู้รักสุขภาพทุกท่านที่ต้องการหลีกไกลจากโรคมะเร็ง เนื่องด้วยสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน มีสารปนเปื้อนซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากขึ้น ทั้งในอาหาร น้ำ และอากาศ ทำให้เราต้องรับความเสี่ยงมากขึ้นในการป่วยเป็นมะเร็ง ดังนั้นการดูแลร่างกายให้แข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคสูงอยู่เสมอ จึงเป็นการลดโอกาสในการป่วยเป็นมะเร็ง
เห็ดยามาบูชิตาเกะ
สารสำคัญที่พบในเห็ดยามาบูชิตาเกะ คือ Glucoxylan-protein complex
สรรพคุณของเห็ดยามาบูชิตาเกะ มีงานวิจัยในประเทศเยอรมัน ที่แสดงให้เห็นว่า Glucoxylan-protein complex ซึ่งมีอยู่ในเห็ดเห็ดยามาบูชิตาเกะ มีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ออกฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ควบคุมระดับไขมันในเส้นเลือดให้เป็นปกติ คุมระดับปริมาณน้ำตาลกลูโคสในเลือด ช่วยในการรักษามะเร็งกระเพาะและมะเร็งลำใส้ ช่วยสร้าง และบำรุงเซลล์สมองรวมทั้งระบบประสาท นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการรับประทานเห็ดยามาบูชิตาเกะ ช่วยให้ความสามารถในการจดจำ และการคิดวิเคราะห์ดีขึ้น
เห็ดยามาบูชิตาเกะมีประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ ผู้ทีเป็นภูมิแพ้ ต้องทำงานหนัก พักผ่อนน้อย นอนดึกเป็นประจำ ทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ การรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากเห็ดยามาบูชิตาเกะ จะช่วยกระตุ้นระดับภูมิคุ้มกันให้สูงขึ้น ต้านทานต่อโรคและลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง ได้
เส็กตี่
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ polysaccharides และ iridoid monoterpenes
สรรพคุณของเส็กตี่ คือบำรุงเลือด ลดอาการอ่อนเพลีย ลดการอักเสบ ช่วยเสริมสร้างกระดูก ต้านอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
เส็กตี่ถูกใช้เป็น ยาบำรุงกำลัง บำรุงโลหิต เพิ่มการไหลเวียนเลือด โดยเฉพาะในสตรีที่ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ โดยมักใช้ร่วมกับสมุนไพรตัวอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลดีขึ้น
ชวงเกียง
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ สารประกอบอินทรีย์เคมี phthalide
สรรพคุณของชวงเกียง คือ ลดการบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้และมดลูก ป้องกันการขาดออกซิเจนในเลือด ต้านปวด ต้านการอักเสบ ขับประจำเดือน ขับเหงื่อ และช่วยให้หลับสนิทนานขึ้น
ชวงเกียง จึงถูกใช้เป็นยาบำรุงเลือดสำหรับสตรี เพื่อให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ลดอาการปวดท้อง ปวดกล้ามเนื้อก่อนการมีประจำเดือน
กวาวเครือขาว
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ คือ พฤษเคมีที่มีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศหญิงหรือฮอร์โมนเอสโตรเจน (Phytoestrogens) ซึ่งได้แก่ miroestrol และ deoxymiroestrol
สรรพคุณของกวาวเครือขาว คือมีส่วนช่วยกระตุ้นให้ลักษณะความเป็นผู้หญิงโดดเด่น เช่น หน้าอกขยายใหญ่ขึ้นในระยะเวลา 2-3 เดือน ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะทำให้หน้าอกขยายขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับหนึ่งเมื่อหน้าอกกระชับแล้วก็จะสิ้นสุดลง และสาร miroestrol ยังช่วยให้เพิ่มความเปล่งปลั่งสดใสให้ผิวพรรณได้อีกด้วย
กวาวเครือขาว จึงเหมาะสำหรับสตรีที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกเพื่อให้สามารถแต่งตัวได้สวย เสริมบุคลิกให้งดงาม และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส เป็นที่ประทับใจต่อผู้พบเห็น
สมอเทศ
สารสำคัญที่พบในสมอเทศ คือ พฤษเคมีในกลุ่ม Glycoside และ Flavonoid
สรรพคุณของสมอเทศ คือ บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ใช้เป็นยาระบาย ขับลม แก้จุกเสียดในท้อง ช่วยให้รู้สึกสงบและหลับสบาย
สมอเทศ มักอยู่ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ ยารักษากลุ่มอาการโรคระบบทางเดินอาหาร รวม 2 ตำรับ คือ “ยาถ่ายดีเกลือฝรั่ง” สรรพคุณ แก้อาการท้องผูก กรณีที่ใช้ยาอื่นแล้วไม่ได้ผล และ “ยาธาตุบรรจบ” ใช้บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ และอาการอุจจาระธาตุพิการ และท้องเสียแบบที่ไม่ติดเชื้อ
พริกไทย
สารสำคัญในพริกไทย คือ piperine และ piperettine
สรรพคุณของพริกไทย คือ กระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร ลดภาวะท้องเดิน ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดไขมัน มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชัน ลดการอักเสบ ขับลม ช่วยย่อยอาหารและเพิ่มอัตราการเผาพลาญพลังงาน ช่วยขับปัสสาวะ บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ ช่วยระงับชัก ยับยั้งการกระจายของเซลล์มะเร็ง ต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก และเชื้อรา
พริกไทย จึงมีประโยชน์สำหรับผู้ที่ปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหาร ปวดท้องเพราะอาหารไม่ย่อย ท้องอืดท้องเฟ้อบ่อย ๆ และผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนักตัว เนื่องจากสารสกัดจากพริกไทยไปช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกายอีกด้วย
สมอไทย
สารสำคัญในสมอไทย คือ สารในกลุ่ม Tannin เช่น gallic acid,chebulanin ฯ
สรรพคุณของสมอไทย คือ บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ใช้เป็นยาระบาย ขับลม แก้จุกเสียดในท้อง ช่วยให้รู้สึกสงบและหลับสบาย
สมอไทย มักอยู่ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ ยารักษากลุ่มอาการโรคระบบทางเดินอาหาร รวม 2 ตำรับ คือ “ยาถ่ายดีเกลือฝรั่ง” สรรพคุณ แก้อาการท้องผูก กรณีที่ใช้ยาอื่นแล้วไม่ได้ผล และ “ยาธาตุบรรจบ” ใช้บรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ และอาการอุจจาระธาตุพิการ และท้องเสียแบบที่ไม่ติดเชื้อ
มะขามป้อม
สารสำคัญในมะขามป้อม คือ Tannin, Terpene, Flavonoids และมีวิตามินซี สูงมาก
สรรพคุณของมะขามป้อม คือ มีประสิทธิภาพสูงมากในการต้านอนุมูลอิสระ ลดคลอเลสเตอรอล และมีผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากมะขามป้อมสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งในตับได้ ปัจจุบันนี้สารสกัดจากมะขามป้อมถูกใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบบี และซี ทั้งนี้มีการจดสิทธิบัตรยาแล้วในอเมริกา
มะขามป้อมจึงเหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องดูแลความงาม เนื่องจากวิตามินซีในมะขามป้อมจะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส และยังป้องกันการติดเชื้อหวัด รวมทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้สูงขึ้น ช่วยลดโอกาสที่จะเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น ๆ อีกด้วย
ดอกคำฝอย
สารสำคัญในดอกคำฝอย คือ กรดไลโนเลอิค (Linoleic Acid) กรดไลโนเลอิกเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง ในกลุ่มโอเมก้า 6 (Omega 6) ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น
สรรพคุณของดอกคำฝอย คือ
1.ลดการทำงานของเกร็ดเลือด ลดไขมันอุดตันในหลอดเลือด การเลือดไหลเวียนจึงดีขึ้น ช่วยให้หัวใจไม่ต้องทำงานหนัก
2 ช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) เพิ่มโคเลสเตอรอลชนิดดี (HDL)
4. ช่วยลดอาการปวดและอักเสบ
5. ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิวหนัง ลดความแห้งกร้าน แตกขุย ริ้วรอยต่าง ๆ บนผิว รวมถึงรักษาอาการทางผิวหนังบางชนิด เช่น ผื่นผิวหนังเรื้อรัง ผิวแห้งลอกเป็นเกล็ดเป็นต้น
6. มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดและชะลอการเสื่อมของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ลดความเสี่ยงในการป่วยเป็นมะเร็ง
ดอกคำฝอย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ หากไม่ได้รับการดูแลควบคุมอย่างเหมาะสม ตั้งแต่เริ่มตรวจพบความผิดปกติ
ฝาง
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในฝาง คือ สารในกลุ่ม Flavonoid, Sappanin และ Tannin
สรรพคุณของฝาง คือ เป็นส่วนผสมหลักในยาบำรุงหลังคลอดบุตร ลดอาการเจ็บปวด เป็นยาขับระดูอย่างแรง แก้ท้องร่วง ออกฤทธิ์ต่อหัวใจและตับ เป็นยาบำรุงโลหิตสตรี ใช้เป็นยาลดปวด ลดบวม ช่วยให้เลือดไหลเวียนสะดวก รักษาประจำเดือนมาไม่ปกติ ขับระดู ลดการปวดมดลูกในสตรีหลังคลอด
ฝาง จึงมีประโยชน์สำหรับสตรี เนื่องจากช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ บำรุงโลหิต และลดปวดหลังคลอดบุตร
ตี่ยู้
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในตี่ยู้ คือ flavonoids, saponins, ursolic acid, essential oil, vitamin C and tannins.
สรรพคุณของตี่ยู้ คือ ช่วยห้ามเลือด ลดการอักเสบ และลดปวด รักษาอาการท้องร่วง ลำไส้อักเสบจนถ่ายเป็นเลือด มีเลือดออกในทางเดินปัสสาวะ ริดสีดวงอักเสบ นอกจากนั้นยังมีผลการศึกษาในห้องทดลองพบว่าสารสกัดจากตี่ยู้ สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคร้ายแรงบางชนิด ได้แก่ Staphylococcus aureus, Streptococcus pneumoniae and Pseudomonas aeruginosa.
ตี่ยู้ จึงมีประโยชน์มากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องริดสีดวงทวาร ท้องเสีย ปวดท้อง และถ่ายมีเลือดปน
เกียงอั๊วะ
สรรพคุณของเกียงอั๊วะ คือ ช่วยขับลม ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี และระงับปวด
เกียงอั๊วะ มักอยู่ในสูตรยาขมแก้ร้อนใน สำหรับผู้ที่เป็นแผลร้อนในในปาก
บิลเบอร์รี่
สารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในบิลเบอร์รี่ คือ Anthocyanins, Quercetin, Catechin และ Tannins
สรรพคุณของบิลเบอร์รี่ ได้มีการศึกษาถึงฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของบิลเบอร์รี่พบว่า มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ สมานแผลในกระเพาะอาการ ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด (anti-atherosclerotic) ซึ่งทำให้หลอดเลือดเสียสภาพขาดความยืดหยุ่น และปริแตก ที่สำคัญมีการศึกษาถึงประสิทธิภาพในการรักษาสายตาในผู้ป่วยที่มีการมองเห็นผิดปกติ พบว่ากลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ มองเห็นในที่มืดได้ดีขึ้นและประสิทธิภาพการตอบสนองของ เรตินาดีขึ้น
บิลเบอร์รี่จึงให้ประโยชน์มากสำหรับ ผู้ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมอง เป็นเวลานาน เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ การทำงานศิลปะ เป็นต้น